ผังแม่บทโครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ ปุณณวิถี-บางจาก เป็นย่านนวัตกรรมเพื่อรองรับ เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง

การพัฒนาของเทคโนโลยียังคงมีต่อไปแบบไม่สิ้นสุด
แล้วเมืองก็ไม่ใช่ว่าจะหยุดเปลี่ยนแปลง

เพื่อให้เข้าใจที่มาและการประกอบกันจนออกมาเป็น “โครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ ปุณณวิถี-บางจาก เป็นย่านนวัตกรรมเพื่อรองรับ เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง” จึงขอแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วนดังต่อไปนี้

  • เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง
  • หลักการที่เกี่ยวข้อง
  • ผังแม่บทตามศักยภาพทางผังเมือง
  • แนวคิดและระบบการพัฒนาผังแม่บทของโครงการ

เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Immersive Technology)

ก่อนจะเข้าสู่หลักการที่เกี่ยวข้อง เรามาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงกันก่อน เพราะเทคโนโลยีนี้ถือเป็นที่มาและจุดตั้งต้นของการทำโครงการหรือวิทยานิพนธ์ชิ้นนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยสัมผัสเทคโนโลยีชนิดนี้กันมาบ้างแล้ว โดยหลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) Virtual reality หรือ VR เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง 2) Augmented reality หรือ AR การรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือนเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน 3) Mixed Reality หรือ MR MR เป็นการนำเอาโลกแห่งความเป็นจริงและองค์ประกอบดิจิตอลมารวมกัน Mixed Reality ผู้ใช้จะได้โต้ตอบกับสิ่งของและสภาพแวดล้อมทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและเสมือน ซึ่งวิทยานิพนธ์นี้อ้างอิงการใช้งานประเภท MR เป็นหลัก เพื่อเป็นการสร้างทางเลือกในการพัฒนาเมืองที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนเมืองในอนาคต

นอกจากนี้จึงได้ศึกษาการทำงานในการประมวลผลเพื่อฉายภาพเสมือน สามารถแบ่งออกเป็น  3 ประเภท ดังนี้

  • Marker-Based จะใช้วิธีติดตั้งในใบปลิว หรือ วัตถุต่าง ๆ โดยผู้ใช้งานสามารถดูภาพ 3 มิติได้จากการนำกล้องของสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงไปส่องที่วัตถุนั้น เช่น กระดาษเปล่าที่เมื่อส่องด้วยกล้องสมาร์ทโฟน จะเจอข้อมูลแสดงขึ้นมา ซึ่งมีเงื่อนไข คือ ความคงทนของวัสดุหรือวัตถุที่ใช้เป็นจุดอ้างอิง และยังใช้งบประมาณในการจัดการที่มีราคาถูกกว่าประเภทอื่น ๆ
  • Markerless ผู้ใช้งานสามารถหยิบจับวัตถุมาวางในโลกจริงได้
  • Location-Based เป็นประเภทที่หากนำกล้อง กล้องของสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ส่องไปยัง Location-Based AR จะแสดงผลข้อมูลของสถานที่นั้น ๆ อ้างอิงจาก GPS เช่น แสดงป้ายบอกทาง และ ชื่อถนน

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าพื้นที่ทางกายภาพถ้าหากต้องมีการใช้งานควบคู่ไปกับเทคโนโลยีชนิดนี้ ก็ต้องมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาของเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน ซึ่งประเภทที่ทำให้ลดขั้นตอนการประมวลผล และประหยัดงบประมาณรวมถึงเพิ่มความรวดเร็วในการประมวลผลมากที่สุด ก็คือประเภท Marker-Based จึงนำมาสู่แนวทางการพัฒนาเมืองที่จะมีการขยายความต่อไป

หลักการที่เกี่ยวข้อง

โดยหลักการที่นำมาใช้ประกอบการทำวิทยานิพนธ์ที่นอกเหนือจากด้านการพัฒนาเมืองแล้ว หลักการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Immersive Technology) ที่น่าสนใจ ซึ่งถูกนำมาประยุกต์ใช้มีทั้งหมด 2 หลักการด้วยกัน ได้แก่

1. หลักการความต้องการสำหรับจุดอ้างอิงในพื้นที่สาธารณะ ที่ใช้เชื่อมต่อเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Simon Nestler, 2019)

2. หลักการเพิ่มความเร็วในการประมวลผลจุดอ้างอิงทางกายภาพ (Sanni Siltanen, 2012)

 

ผังแม่บทตามศักยภาพทางผังเมือง

วิทยานิพนธ์นี้มีการสร้างผังแม่บทเพื่อใช้เป็นฐานในการพัฒนาก่อนนำมาสู่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง เพื่อให้พื้นที่เดิมเป็นเมืองที่ดีในแบบที่ควรจะเป็นตามความต้องการพื้นฐานและหลักการพัฒนาเมืองในมิติต่าง ๆ จึงมีการวิเคราะห์พื้นที่ทั้งในแง่ของข้อมูลพื้นฐาน พื้นที่ทางกายภาพควบคู่ไปกับหลักการความต้องการของจุดอ้างอิงเพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง อีกทั้งแนวโน้มที่สำคัญหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 จนนำมาสู่เป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่และระบบการจัดการ คือ

More Nature More Healthy”

การกลับไปใกล้ชิดกับธรรมชาติ และเน้นส่งเสริมสุขภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาเพื่อการใช้ชีวิตภายในเมือง โดยอาศัยเครื่องมืออย่างเทคโนโลยีโลกเสมือน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการ และออกแบบที่จะนำไปสู่เป้าหมายในอนาคต

  1. มีพื้นที่สีเขียวรองรับการอยู่อาศัยของคนภายในเมืองที่สามารถเข้าถึงได้ในระยะเดิน และเพียงพอต่อความต้องการ
  2. คนในพื้นที่มีสุขภาพดี ทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ
  3. มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนในพื้นที่ในอนาคต
  4. มีการเพิ่มขึ้นของประชากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจ และสังคม

แนวคิดการพัฒนาผังแม่บทตามศักยภาพทางผังเมือง

ก่อนเข้าสู่การออกแบบระบบการจัดการโดยอาศัยเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง จะต้องมีการออกแบบพื้นที่ทางกายภาพตามศักยภาพและบทบาทการพัฒนาเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ให้สามารถไปสู่เป้าหมายของการเป็นย่านนวัตกรรม ที่มีการเพิ่ม more nature more healthy ในพื้นที่ปุณณวิถี-บางจาก

ผังแนวคิดการพัฒนาผังแม่บทตามศักยภาพทางผังเมือง

แนวคิดในการพัฒนาจึงเป็นการสร้างให้เกิดการเชื่อมโยง และเพิ่มส่วนต่อขยายของพื้นที่ย่านนวัตกรรมเดิมที่ NIA ได้วางไว้เข้ากับพื้นที่สีเขียว พื้นที่ธรรมชาติอย่างบางกระเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน โดยอาศัยแนวแกนสีเขียว (green link) ที่ลากผ่านพื้นที่แปลงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งว่างที่มีศักยภาพในการพัฒนา เพื่อเป็นการรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร และแหล่งงานสำหรับย่านนวัตกรรมในอนาคต และยังลดการเจริญเติบโตของเมืองแบบ Linear ตามแนวถนนหลักอย่างสุขุมวิท ให้เกิดการใช้งานภายในพื้นที่เมืองมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดการแบ่งโซนพัฒนา ดังนี้

  • Co-llaboration เป็นโซนที่เชื่อมต่อจากพื้นที่แหล่งงานของย่านนวัตกรรมปุณณวิถีตามแผนนโยบายของ NIA โซนนี้จึงเสนอให้ทำหน้าที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ดึงดูดแรกสำหรับการดึงคนออกมาจากแนวเส้นถนนหลัก และเป็นพื้นที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากแหล่งการศึกษา และที่อยู่อาศัยของคนในพื้นที่ โดยมีการผสมผสานของคนหลากหลายกลุ่มเข้าไว้ด้วยกันเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้ และต่อยอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้มากยิ่งขึ้น
  • Co-habbitation เป็นโซนที่เชื่อมต่อจากศูนย์การเรียนรู้และพื้นที่แหล่งงาน จึงถูกวางให้เป็นพื้นที่พักผ่อนเพื่อการอยู่อาศัยเป็นหลัก โดยสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนบางจากในการพัฒนาผลักดันให้เกิดพื้นที่ต้นแบบการอยู่อาศัยโดยการหมุนเวียนพลังงานในพื้นที่
  • Co-sine เป็นพื้นที่ที่ใช้ในการพักผ่อนหลังจากกลับมาจากที่ทำงาน ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำ และใกล้ชิดกับพื้นที่ธรรมชาติมากที่สุด

จากการพัฒนาตามผังแนวคิดเพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ส่วนต่อขยายรองรับการพัฒนาของการเป็นย่านนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่พื้นที่ทางธรรมชาติแล้ว ยังมีรายละเอียดการพัฒนาผังแม่บทในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเมืองตามศักยภาพของพื้นที่ในเบื้องต้น

ผังแม่บทตามศักยภาพทางผังเมือง

 

แนวคิดและระบบการพัฒนาผังแม่บทของโครงการ

จากหลักการเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงที่ได้กล่าวถึงข้างต้น จึงนำมาสู่การพัฒนาเพื่อสร้างแนวทางในการออกแบบที่จะถูกนำไปประยุกต์ใช้เข้ากับผังแม่บทของโครงการ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

กรอบมาตรฐานเชิงพื้นที่ที่ใช้เป็นจอรับและแสดงข้อมูล MR

ภาพแสดงตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานกรอบมาตรฐานในพื้นที่สาธารณะ

เพื่อเป็นฐานในการใช้เทคโนโลยี MR รูปแบบ Marker-based ที่เราเลือกใช้ในการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ต้องการพื้นที่ทางกายภาพและสภาพแวดล้อมจริงเพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิงในการฉายภาพเสมือน  อันเนื่องมาจากเงื่อนไขที่ได้กล่าวไปข้างต้นในหลักการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโลกเสมือน คือเพื่อประหยัดงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการดูแลและการจัดการที่ถูกกว่ารูปแบบอื่น ๆ ทำให้ได้สัดส่วน 9 : 16 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทางกายภาพ

สัดส่วน 9 : 16 เป็นสัดส่วนที่พัฒนามาจากสัดส่วน 3:4 โดย Kerns Power ที่เป็นผู้คิดค้นได้กล่าวไว้ว่า สัดส่วน 9:16 เป็นสัดส่วนที่เหมาะสมต่อการฉายภาพทุกประเภท และก็ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เข้ากับสื่อต่างๆจนถึงปัจจุบันนี้

ซึ่งสัดส่วน 9:16 ในที่นี้จะทำหน้าที่เป็น Unit ที่มีการใช้งานแบบ Modular คือการใช้วิธีต่อกันของ Unit หรือหน่วยแต่ละหน่วยไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้สัดส่วน 9 : 16 สามารถไปอยู่ในพื้นที่เมืองทางกายภาพได้หลากหลาย เช่น บริเวณ Façade อาคาร, ทางเท้า เป็นต้น ซึ่งการประกอบกันของสัดส่วนนี้จะทำให้เกิดเซลล์เพื่อใช้ในการฉายข้อมูลเสมือน และเกิดความหลากหลายของข้อมูลที่มากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน

แนวทางการประยุกต์ใช้งานกรอบมาตรฐานในพื้นที่สาธารณะ

แนวทางการประยุกต์ใช้งานกรอบมาตรฐาน มีการกำหนดเพื่อให้ง่ายต่อการประยุกต์ใช้งานแต่ยังสามารถฉายข้อมูลเสมือนภายในพื้นที่สาธารณะได้อยู่ โดยการนำสัดส่วน 9 : 16 มาประกอบกันโดยมีสัดส่วนด้านสูงตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป หากต้องการติดตั้งป้ายโฆษณา ช่องเปิด หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า สามารถนำช่องสัดส่วน 9 : 16 ออกได้ โดยต้องเว้นพื้นที่โดยรอบไว้ในกรณีที่ต้องการให้ด้านหน้าอาคารใช้ฉายข้อมูลเสมือนได้ ซึ่งส่วนที่เหลือที่ไม่มีการใช้งาน ให้ใช้วัสดุที่ไม่มีความมันเงา และมีสีโทนสว่างเพื่อให้ตัดกับป้ายโฆษณาหรือช่องเปิด ทำให้ MR สามารถอ่านข้อมูลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ระบบการจัดการเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีโลกเสมือน

การพัฒนาระบบการจัดการอยู่ภายใต้เงื่อนไขความเหมาสมของบริบทและการวิเคราะห์ ตลอดจนเป้าหมายในการพัฒนาของพื้นที่ ซึ่งในที่นี้มีการคิดระบบการจัดการข้อมูลที่จะถูกรับรู้ผ่านทางสายตาในเบื้องต้นที่คาดว่าจำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย More Nature, More Healthy ที่ได้ตั้งไว้ โดยมีทั้งหมด 4 ระบบ คือ

  1. VI ENVI หรือ Virtual Information การให้ข้อมูลในโลกเสมือน ที่ซ้อนทับกับสภาพแวดล้อมจริง คือการฉายข้อมูลที่เราสามารถเห็นได้ผ่านเทคโนโลยี MR
  2. MR Urban Farming ระบบ MR Urban farming ที่เป็นการเพิ่มให้เกิด more nature more healthy รูปแบบหนึ่ง โดยMR จะทำหน้าที่แสดงคะแนนที่ได้จากการดูแล หรือเพาะปลูก เพื่อไปใช้กับร้านค้าและบริการที่เกี่ยวข้องได้ เพราะคำว่า healthy ในที่นี้คือการมีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้นระบบนี้จึงเป็นการสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในด้านวัตถุดิบ เพื่อการบริโภคภายในพื้นที่ และเป็นการหมุนเวียนเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน
  3. MR Walk ระบบ MR walk จะมีการเชื่อมโยงกับแผ่นผลิตพลังงานทำให้เส้นทางที่มีการเดินจะเกิดพลังงานหมุนเวียนกลับไปใช้ภายในเมือง ซึ่งเมื่อมีการเดินไปตามเส้นทางที่แผ่นผลิตพลังงานเหล่านี้ติดตั้งอยู่ MR จะทำหน้าที่แสดงข้อมูลพลังงานที่ได้จากการผลิตไฟฟ้าของเราในแต่ละวัน ไปสะสมเป็นแต้มที่จะกลายเป็นรางวัลต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกายและทำให้ลดการใช้พลังงานภายในพื้นที่ได้อีกด้วย
  4. MR Park เป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้กับพื้นที่สาธารณะ โดยมีการกำหนด guideline หรือแนวทางการพัฒนาในการสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะให้สามารถทำหน้าที่เป็นจอรับ-ส่งข้อมูล MR ได้ เพื่อส่งเสริมให้คนเกิดความคิดสร้างสรรค์ทั้งในแง่ของพื้นที่ทางกายภาพที่อยู่ในสภาพแวดล้อมจริง และเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ในสภาพแวดล้อมเสมือนบนพื้นที่สาธารณะได้อีกด้วย

ผังแสดงตำแหน่งของระบบการจัดการโดยอาศัยเทคโนโลยีโลกเสมือน

 

ผังแม่บทโครงการ

ภาพ Isometric ผังแม่บทโครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ ปุณณวิถี-บางจาก

ภาพภูมิทัศน์โครงการ

  • Co-Learning Zone

ภาพทิวทัศน์ภายในโครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ และโลกเสมือนสาธารณะโดยไม่ใช้ MR

ภาพทิวทัศน์ภายในโครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ และโลกเสมือนสาธารณะโดยช้ MR

  • Co-Habitation Zone


ภาพทิวทัศน์ภายในโครงการพัฒนาย่านพักอาศัยโดยไม่ใช้ MR


ภาพทิวทัศน์ภายในโครงการพัฒนาย่านพักอาศัยโดยใช้ MR

  • Co-Sine Zone


ภาพทิวทัศน์ภายในโครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะริมน้ำบางจาก โดยไม่ใช้ MR


ภาพทิวทัศน์ภายในโครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะริมน้ำบางจาก โดยใช้ MR